ในสถานการณ์อ่อนไหวทางการเมืองไทย รัฐบาลพรรคเพื่อไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกตั้งเสียงข้างมากของประชาชน ตามระบอบประชาธิปไตย สามารถฝ่าวิกฤตการเมืองในประเทศไทย ที่มิได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติของสภาพ การเมือง เศรษฐกิจและสังคม แต่เป็นวิกฤตที่เกิดจากฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลคือฝ่ายอมาตยาธิปไตย พยายามสร้างสถานการณ์ขึ้นให้เป็นความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทย เพื่อเป็นเงื่อนไขนำไปสู่การรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาล เอาประเทศเป็นเดิมพันปิดประเทศ แช่แข็งประเทศไทย
การควบคุมทางการเมือง รัฐบาลได้ประกาศการใช้มาตรการตามกฏหมายความมั่นคง เมื่อวันที่22พฤศจิกายน2555เพื่อควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่เขตดุสิต เขตป้องปรามศัตรูพ่าย และเขตพระนครตั้งแต่วันที่ 22-30พฤศจิกายน 2555โดยจัดตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.)มีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้อำนวยการศูนย์ใช้กำลังกองบัญชาการตำรวจแห่งชาติจำนวน50,000นาย เข้าควบคุมสถานการณ์และให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฏหมาย
การเคลื่อนไหวทางการเมืองก่อนวันที่24 พฤศจิกายน 2555 แกนนำนปช.และมวลชนประชาธิปไตย ได้แสดงพลานุภาพต้านรัฐประหารรวมพลังกดดันฝ่ายรัฐประหาร ที่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดอุดรธานี แต่ละแห่งมี นับแสนคน และมีมติให้มวลชนเตรียมตัวรอตั้งมั่นอยู่ในที่ตั้ง ห้ามมิให้เคลื่อนกำลังก่อนได้รับคำสั่งจากแกนนำ นปช.ทั้งสามคน เห็นประโยชน์พึงเคลื่อน ไม่เห็นประโยชน์อย่าเคลื่อน เพราะะการควบคุมสถานการณ์เป็นหน้าที่ของรัฐบาล
24พฤศจิกายน2555เวลา0900น.ซึ่งเป็นวันกำหนดแช่แข็งประเทศไทยกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยาม (อพส.) ได้เคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมประมาณ10,000คนจากสนามม้านางเลิ้งไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า ในเขตพื้นที่เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เพราะเป็นพื้นที่ชัยภูมิจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ อยู่กึ่งกลางระหว่างรัฐสภา และทำเนียบรัฐบาล ในช่วงสายผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งพยายามฝ่าแนวสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกิดการปะทะกันที่ บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ผู้ชุมนุม ถูกจับจำนวน 100 คน และในช่วงบ่ายที่แยกมิสกวัน ผู้ชุมนุม ไม่สามารถฝ่าแนวป้องกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปได้ เพราะบริเวณทั้สองแห่งนี้ เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญไม่แพ้ลานพระบรมรูปทรงม้า อยู่ใกล้ทำเนียบรัฐบาล จึงจำเป็นต้องสกัดกั้นผู้ชุมนุมไม่ให้เข้าพื้นที่ ต่อมาปรากฏในช่วงค่ำว่าผู้มาชุมนุมลดเหลือน้อยลง ไม่มีกองทัพออกมาร่วมปฏิบัตการกับกลุุ่ม อพส.จึงประกาศยุติการชุมนุมไม่สามารถสร้างเงื่อนไขรัฐประหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศไทย
รัฐบาลและ มวลประชาชนสามารถต้านรัฐประหาร ฝ่าวิกฤตการเมืองไทย นับจากนี้ไปการเมืองในประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม มีความขัดแย้งทางการเมืองในหมู่ประชาชนจะก้าวไปสูประชาธิปไตยหรือระบอบอำนาจนิยม ด้วยมุ่งมั่นและพลานุภาพของมวลประชาชน จงสุมไฟให้แรงละลายแช่แข็งการเมืองประเทศไทย
Since 2008, there has been an ongoing political crisis in Thailand in form of a conflict between the People's Alliance for Democracy (PAD) and the People's ... DB Mall
ตอบลบThailand's Constitutional Court ruled that the prime minister can move ahead with constitutional reform, dismissing a complaint that his party ... DB Mall
ตอบลบ