สถานะการต่อสู้ทางการเมืองของประชาชน ในขณะนี้ขาดผู้นำเสมือนงูใหญ่ที่ไร้หัว หลังจากแกนนำ นปช. ถูกจับกุมคุมขัง ในเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ที่แยกราชประสงค์ ได้แบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม กระจายกันทำกิจกรรมต่างๆ เช่น กิจกรรม ทำบุญและ ช่วยเหลือครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม กิจกรรมกีฬาและสันทนาการ กิจกรรมสินค้าราคาถูก และกิจกรรมอื่นๆ เพื่อรักษาไว้ซึ่งการรวมพลังของประชาชน ในการต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตย
การต่อสู้ทางการเมืองแบบสันติิวิธีของประชาชน บุคคลที่จะมาเป็นแกนนำทุกคน ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือกลุ่มไหน ก็เป็นที่น่านับถือในความกล้าหาญเสียสละ หากพวกเขารู้จักใช้สติปัญญาในการต่อสู้ทางการเมืองในสภาวะที่รัฐบาลยังคงไว้กฏหมายในสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง และเป็นรองในพลานุภาพทางด้าน การเมือง การทหาร เศรษฐกิจ และสังคม ไม่ใช่ดันทุรัง ไม่คำนึงถึงความเป็นตายของประชาชน เพราะพวกเขาเป็นผู้นำ ไม่ว่าใครถือว่าเป็นผู้เสียสละให้แก่ประชาชน เนื่องจากพวกเขาจะต้องรับผิดชอบต่อมวลชนจำนวนมาก และประเด็นสำคัญต้องรับผิดชอบต่ออิสระภาพและชีวิตของประชาชน สิ่งสำคัญที่สุดอิสระภาพและชีวิตของพวกเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายก่อนบุคคลอื่น เพราะพวกเขายืนอยู่หน้าเวที อันนี้คนเสื้อแดงทุกคนต้องคิดเสมอ เอาแต่ใจตนไม่ได้ มวลชนต้องมีวินัย หากไม่มีวินัยหรือกฏเกณฑ์ หรือทำอะไรตามอำเภอใจ จะมีสภาพเป็นอนาธิปไตย
คณะแกนนำ นปช. เห็นว่าเพื่อมิให้มวลชนประชาธิปไตยตกอยู่สภาพเสมือนงูใหญ่ที่ไร้หัว และมีการบริหารจัดการมวลชนอย่างเป็นระบบ จึงมีมติให้คุณธิดา ถาวรเศรษฐ์ เป็นผู้รักษาการ ประธาน นปช. และคณะ ซึ่งมีความชัดเจนในแนวทางสันติวิธี ไร้ความรุนแรง 2 ไม่ คือไม่ล้มเจ้าและ ไม่ติดอาวุธ
ในการต่อสู้แบบสันติวิธีทางการเมือง แกนนำเป็นผู้เสียสละอย่างสูง ต้องยอมสูญเสียอิสระภาพ หรือแม้กระทั่งชีวิต เพราะต้องรักษากำลังมวลจนไว้ให้ปลอดภัย ต่างกับ ผู้นำทางทหาร ต้องรักษาแม่ทัพไว้ แม้จะสูญเสียชีวิตของทหารชั้นผู้น้อยไปมากเท่าไร ก็ต้องรักษาแม่ทัพไว้ให้ได้ ถ้าไม่รู้ตรงนี้ เป็นแกนนำมวลชนไม่ได้ แม้ว่ากลุ่มย่อยยังเคลื่อนไหวโดยอิสระแต่มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย จึงได้สนับสนุนกันและกันเป็นการผิดความคาดหมายของฝ่ายรัฐบาล
ปัญหาที่ท้าท้ายและเป็นอุปสรรคต่อคณะรักษาการแกนนำ นปช.มีอยู่หลายประการ มีคำถาม 2ข้อที่จะต้องปฏิบัติ กล่าวคือ ประการแรก ทำอย่างไรจะสามารถรวมพลังมวลชนทุกกลุ่มขับเคลื่อนทางการเมืองได้อย่างมีพลานุภาพ ประการที่สอง ทำอย่างไรภารกิจที่เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของมวลชนจะปฏิบัติได้อย่างบรรลุเป้าหมาย
แกนนำประชาชนต้องเข้าใจประชาชน การวิพากษ์กันเป็นเรื่องธรรมดาแต่ต้องเพื่อการพัฒนา และสามัคคีกัน มิใช่ล้มล้าง อย่ากล่าวหากัน อย่าแย่งการนำ อย่าแย่งมวลชน ต้องใช้สติปัญญา บูรณาการความรู้ทั้งมวล ในการต่อสู้ทางการเมือง มิฉะนั้น จะไปเข้าทางและกลายเป็นแนวร่วมมุมกลับของฝายตรงข้าม ปล่อยใจให้เลื่อนไหลไปตามธรรมชาติ ปัญหาต่างๆจะกลมกลืนไปตามกาลเวลาที่เคลื่อนตัวไป มวลชน ต้องเป็นกำลังใจให้กันและกัน อย่าทำลายขวัญกำลังใจกันเอง จะพ่ายแพ้ในสงครามการเมือง
แกนนำประชาชนต้องเข้าใจประชาชน การวิพากษ์กันเป็นเรื่องธรรมดาแต่ต้องเพื่อการพัฒนา และสามัคคีกัน มิใช่ล้มล้าง อย่ากล่าวหากัน อย่าแย่งการนำ อย่าแย่งมวลชน ต้องใช้สติปัญญา บูรณาการความรู้ทั้งมวล ในการต่อสู้ทางการเมือง มิฉะนั้น จะไปเข้าทางและกลายเป็นแนวร่วมมุมกลับของฝายตรงข้าม ปล่อยใจให้เลื่อนไหลไปตามธรรมชาติ ปัญหาต่างๆจะกลมกลืนไปตามกาลเวลาที่เคลื่อนตัวไป มวลชน ต้องเป็นกำลังใจให้กันและกัน อย่าทำลายขวัญกำลังใจกันเอง จะพ่ายแพ้ในสงครามการเมือง
การรวมพลังแสดงพลานุภาพของมวลชนประชาธิปไตย หลายหมื่นคนที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวัน ที่10 ธันวาคม 2553 วันรัฐธรรมนูญ เป็นการอวตารของมวลชน แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด ประชาชนค้องมีจิตวิญญาณเดียวกัน คือจิตวิญญาณแห่งการเมืองประชาธิปไตย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น