การต่อสู้ในสนามการเมืองประเทศไทย เสมือนกระดานหมากรุก นักการเมืองคือตัวหมากรุกต่างฝ่ายแข่งขันต่อสู้กัน มีชนะหรือแพ้หรือเสมอ ฝ่ายที่จะชนะต้องมีความสามารถ ในการเดินหมากหลายชั้น มีรูปหมากที่แยบยลเป็นต่อหลายขุมมองเห็นชัยชนะ ฝ่ายที่เป็นรอง เมื่อมองรูปหมากเห็นว่าจะพ่ายแพ้ต้องมีความสามารถในการเดินหมากแปรแพ้ให้เป็นเสมอ ถือว่าชนะ แต่ในสนามการเมืองต่างกันมีแพ้กับชนะ ยากเสมอไม่มีปรองดองเพราะการเมืองเป็นเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ในประเทศไทย
การรุกทางการเมือง สถานการณ์ต่อสู้เข้าสู่ขั้นแตกหักทางการเมือง เมื่อผู้นำหรือขุนในกระดานหมากรุก เปิดหน้ากล้าท้าทาย โดยไม่มีใครออกกนำหน้าเหมือนตัวหมากรุกไม่มี เรือโคน ม้า เม็ด เบี้ย ออกหน้าปิดบังป้องกัน ส่งสัญญาณรุกรบโจมตีว่า มั่นใจในชัยชนะทางการเมือง ในสงครามการเมือง ฝ่ายใดไม่ชนะ ก็พ่ายแพ้ ไม่มี ชนะ-ชนะ พร้อมเสแสร้งแสดงจุดอ่อน โดยคำพูด ที่บิดเบือน ก้าวร้าวท้าทาย เหยียดหยาม ยั่วยุให้มวลชนโกรธแค้น เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามชะล่าใจ ติดตามรุกโจมตี แสดงว่ามีความมั่นใจใน รูปการณ์ ที่เป็นต่อในทางการเมือง กองกำลังที่สนับสนุนมีเรือ ม้า โคน เม็ด และเบี้ยหงายที่ซุ่มคอยโจมตีและโอบล้อมอยู่ด้านข้าง ไม่ว่าจะเป็นในด้านตุลาการ กำลังทหารติดอาวุธ สื่อมวลชน และอื่นๆ ที่คอยแปรขบวน โอบล้อม ปิดล้อม ดุจฝูงพยัคฆ์ ที่กระหายเลือด ทำลายประชาชน
แกนนำ นปช. พร้อมมวลชนจะต้องประเมินสถานการณ์ทางการเมืองทั้งปัจจัยภายในและนอกได้แก่ จุดอ่อนและจุดแข็ง โอกาสและอุปสรรค แล้วเปรียบเทียบ พลานุภาพ ทั้งสองฝ่ายพิจารณาปัจจัยทุกด้านด้วยความสุขุม เยือกเย็น รอบคอบ ทุกประการ โอกาสและความเป็นไปได้ มีมากเพียงไรอย่าใจร้อนกระโดดเข้างับเหยื่อ ที่เขาแสร้งโยนมาล่อให้ตายใจเพราะฝูงพยัคฆ์ กำลังจ้องตะครุบเหยื่ออันโอชะ จงมีความระวังรอบคอบ คิดถึงผลได้ผลเสีย ก่อนเข้าโรมรัน ในสนามการเมืองประเทศไทย
การต่อสู้ในสนามการเมืองนั้นจงรบด้วยปัญญาใช้ยุทธศาสตร์สันติวิธีไร้ความรุนแรงในสงครามการเมืองประเทศไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น