สันติวิธีพลานุภาพทางการเมืองของประชาชน มวลมหาชนรวมพลังแสดงพลานุภาพ กลับมาทวงคืนประชาธิปไตยโดยวิธีสันติอหิงสาไร้ความรุนแรง จากรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ตัวแทนของกลุ่มอำมาตยาธิปไตย มวลประชาชนเห็นว่า เป็นการขึ้นสู่อำนาจโดยไม่ชอบธรรม เป็นเหตุให้เกิดวิกฤตความขัดแย้งทางการเมือง ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายอำมาตยาธิปไตยขึ้นในประเทศ
การต่อสู้ทางการเมืองของประชาชนโดยสันติวิธีอหิงสาทวงคืนประชาธิปไตย
การแสดพลัง ครั้งแรก ระหว่างวันที่ 8-13 เมษา 52 ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล มวลชนได้รวมพลังหลายแสนคน แสดง พลานุภาพประท้วงรัฐบาลที่มีที่มาไม่ชอบธรรมเพื่อทวงคืน ประชาธิปไตย แต่รัฐบาลใช้กำลัง ทหาร พร้อมอาวุธสงครามปราบปรามประชาชน มีผู้ล้มตายบาดเจ็บจำนวนมาก รวมทั้งพระภิกษุ แต่ได้เก็บกวาด จนไม่เหลือหลักฐานร่องรอยใดๆแกนนำคนเสื้อแดงประกาศยุติการชุมนุมในวันที่ 13 เมษา 52 เมษาทมิฬ แล้วมอบตัวให้จับกุมเพื่อรักษากำลังหลักไว้ ดูเหมือนว่า มวลชนประสบความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ แท้จริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่
การแสดพลัง ครั้งแรก ระหว่างวันที่ 8-13 เมษา 52 ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล มวลชนได้รวมพลังหลายแสนคน แสดง พลานุภาพประท้วงรัฐบาลที่มีที่มาไม่ชอบธรรมเพื่อทวงคืน ประชาธิปไตย แต่รัฐบาลใช้กำลัง ทหาร พร้อมอาวุธสงครามปราบปรามประชาชน มีผู้ล้มตายบาดเจ็บจำนวนมาก รวมทั้งพระภิกษุ แต่ได้เก็บกวาด จนไม่เหลือหลักฐานร่องรอยใดๆแกนนำคนเสื้อแดงประกาศยุติการชุมนุมในวันที่ 13 เมษา 52 เมษาทมิฬ แล้วมอบตัวให้จับกุมเพื่อรักษากำลังหลักไว้ ดูเหมือนว่า มวลชนประสบความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ แท้จริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่
การแสดงพลัง ครั้งที่2 ตั้งแต่ 12 มีนาคม 53 - 19 พฤษภาคม 53 ที่บริเวณผ่านฟ้า ราชดำเนิน และสี่แยกราชประสงค์ รวมกว่า 60 วัน มวลชนได้รวมพลังหลายแสนคน มีข้อเรียกร้องของให้รัฐบาลยุบสภาทันที คืนความยุติธรรม และไม่ปิดกั้นการรับรู้ข่าวสารของประชาชน ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลไม่ยอมเจรจาทางการเมือง แต่ใช้ปฏิบัติการทางทหารโดยใช้กำลังทหารและตำรวจทั้งประเทศ พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ เกินความจำเป็น รวม 2 ครั้ง ครั้งแรก 10 เมษา53 ที่ผ่านฟ้าราชดำเนินและ 19 พฤษภาคม ที่สี่แยกราชประสงค์ รวมมีผู้บาดเจ็บกว่า 2,000 คน และตาย กว่า 100 คนเป็นนักข่าวต่างประเทศ ญี่ปุ่นฝรั่งเศส และแคนาดา รวม 3 คน แกนนำและมวลชนถูกจับกุมคุมขัง ไร้อิสรภาพกว่า 100 คน รัฐบาลมีข้อกล่าวหาว่ามวลชนเป็นผู้ก่อการร้าย แต่ภาพความจริงต่างๆได้รับการเผยแพร่ไปยังต่างประเทศ เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมโลก ปัจจุบันมีการปิดกั้นเว็บไซต์กว่า 50,000แห่ง สิ่งพิมพ์และวิทยุ ทีวี ปิดกั้นเส้นทางการเงินของคนเสื้อแดง และอื่นๆ
กรณี ข้อกล่าวหาว่า มวลชน เป็นผู้ก่อการร้าย สังหารกันเองและวางเพลิงเผาศูนย์การค้าเซนทรัลเวิร์ด เมื่อคิดในเชิงยุทธศาสตร์สงคราม แล้ว จะมองเห็นภาพในเชิงลึกที่ซ้อนอยู่ใต้ภาพเชิงตื้นได้กระจ่าง เนื่องจาก รัฐบาลประเมินสถานการณ์แล้วว่า หากยังเจรจากับมวลชน จะกลายเป็นความพ่ายแพ้ เพราะ มวลชนกุมความชอบธรรม ในการต่อสู้โดยสันติวิธีไร้ความรุนแรง การที่จะเอาชนะได้ ต้องใช้ปฏิบัติการทางทหาร แต่จะต้องกุมความชอบธรรมให้ได้ก่อน มีความเป็นไปได้ว่า น่าจะมีการสร้างสถานการณ์ว่ามวชนเป็นผู้ใช้ความรุนแรงโดยหน่วยปฏิบัติการของทหารที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มมวลชน ประกอบกับในกลุ่มมวลชน มีกลุ่มที่ต้องการต่อสู้ด้วยอาวุธและใช้ความรุนแรง ซึ่งเป็นแค่เพียงแนวคิด มิได้มีการกระทำให้เกิดความรุนแรงใดๆรัฐบาลจึงฉวยโอกาสกล่าวหามวลชนเป็นผู้ก่อการร้าย แล้วอ้างความชอบธรรม เป็นเหตุใช้กำลังปราบประชาชน เป็นการละเมิดสิทธิพื้นฐานของมนุษยชนตามหลักการของสหประชาชาติ
การต่อสู้ทางการเมืองโดยสันติวิธี เป็นชัยชนะหรือพ่ายของประชาชน
ประเด็นแรก คนเสื้อแดงบางกลุ่มเห็นว่า บางคนเสียชีวิต บางคนถูกจับกุมคุมขัง และถูกสลายการชุมนุม เป็นการพ่ายแพ้ในการต่อสู้ทางสันติวิธี จะ ต้องต่อสู้โดยใช้ความรุนแรงเท่านั้น จึงจะประสบชัยชนะ เป็นการมั่นใจในตัวช่วย อัศวินม้าขาว ทหารแตงโม ตำรวจมะเขือเทศ แท้จริงแล้วเป็นเพียงปฏิบัติการทางจิตวิทยา ของปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งเป็นการพิจารณาเฉพาะจุดแข็งและโอกาสโดยไม่พิจารณาจุดด้อย และอุปสรรคของคนเสื้อแดงไม่ประเมินในภาพรวมทางยุทธศาสตร์ในภาวะที่เสีย เปรียบทางการเมือง การทหาร เศรษฐกิจ และสังคม ตลอดจนการต่างประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นข้อผิดพลาด ทำให้รัฐบาลนำไปเป็นเหตุกล่าวอ้างกล่าวหาให้ร้ายคนเสื้อแดงทั้งหมดและจะถูกทำลายจนสิ้นในที่สุด
ประเด็นที่สอง เมื่อประเมินทางยุทธศาสตร์สงครามในภาพรวมแล้ว ไม่สามารถที่จะเอาชนะได้โดยวิธีรุนแรง ภายใต้สภาวะที่เสียเปรียบเป็นรองในพลังทางด้านการเมือง การทหาร เศรษฐกิจ สังคมและการต่างประเทศ เพราะจะนำมาซึ่งการสูญเสียชีวิตของมวลชน แต่ การต่อสู้โดยสันติวิธียังมีโอกาสชนะในทางการเมือง เพราะกุมความชอบธรรมในการต่อสู้ โดยการอาศัยพลานุภาพของมวลชนในการคงและขยายเครือข่ายมวลชน มีการร่วมกันช่วยเหลือผู้ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการปราบปรามของรัฐบาล การจัดกิจกรรมรวมพลังที่ไม่ขัดกฎหมายฉุกเฉิน การเผยแพร่ความจริงในทางสากล และการดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลโลก มีข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลกระทำการอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ กิจกรรมเดินทางไกลเตรียมการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย รัฐบาลจึงพยายามสร้างกระแสปรองดองแห่งชาติ แต่คงไว้กฎหมายฉุกเฉิน เป็นการพยายามทำลายยุทธศาสตร์สันติวิธีของคนเสื้อแดง
แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามทุกวิถีทาง ที่จะทำลายขบวนการสันติวิธีประชาธิปไตยของมวลชน แต่ก็ยังไม่อาจทำลายพลานุภาพลงได้ สันติวิธีของมวลชนยังไม่ได้ชัยชนะหรือพ่ายแพ้ รัฐบาลไม่เกรงกลัวการต่อสู้โดยความรุนแรง หากหวั่นเกรงการต่อสู้โดยสันติวิธี ในขณะนี้รัฐบาลกำลังสูญเสียความชอบธรรมเพิ่มขึ้นทุกวัน
สันติวิธีของมวลประชาชน เป็นการกุมความชอบธรรมเหนือรัฐบาลในการต่อสู้ทางการเมือง
สันติวิธีของมวลประชาชน เป็นการกุมความชอบธรรมเหนือรัฐบาลในการต่อสู้ทางการเมือง
ความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก
ตอบลบI google translate it...how ur country now?
ตอบลบThailand need change to Democracy.
ตอบลบ