การเมืองกับประชาชนเสื้อสีในประเทศไทย

การเมืองกับประชาชนเสื้อสีในประเทศไทย ปรากฏการณ์กลุ่มการเมืองเสื้อสีได้แก่กลุ่มประชาชนเสื้อเหลือง เสื้อแดง เสื้อน้ำเงิน จะขอเปรียบเทียบ พลังประชาชน กลุ่มสีเสื้้อต่างๆ ในทางการเมือง เพื่อจะเห็นภาพข้อแตกต่างกันได้ชัดเจนในพลานุภาพทางการเมืองของประชาชน

กลุ่มการเมืองประชาชนเสื้อสี เป็นกลุ่มการเมืองของประชาชน ที่ปฏิบัติการเคลื่อนไหวทางการเมืองตามเป้าหมายของกลุ่มในขณะนี้ แบ่งได้ 3 กลุ่ม คือ

1.กลุ่มเสื้อเหลือง เป็นกลุ่มการเมืองอำนาจนิยมจัดตั้งมาเพื่อขับไล่รัฐบาล เกิดขึ้นเพราะ คนที่มีความแค้น ในบุคคลคนเดียว คือ พ.ต.ท..ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้รับการสนับสนุน จากกองทัพ งบลับ กลุ่มทุน สื่อกระแสหลัก นักวิชาการที่ไร้จริยธรรม เอาประเทศและความทุกข์ยากของประชาชนเป็นเดิมพัน เพื่อจัดตั้งรัฐบาลกุมอำนาจรัฐ ประกอบด้วยสาวกสันติอโศก ทหารนอกเครื่องแบบหลายกองพัน และกลุ่มอื่นๆ และ พรรคการเมืองฝายค้าน สอดประสานกับการรัฐประหารของกองทัพจึงสามารถ โค่นล้มรัฐบาลของประชาชน ในขณะนี้ ถูกถอนการสนับสนุนทั้งกำลังคน และงบประมาณ และพลังใหญ่แม้จะตั้งพรรคการเมือง แนวคิดการเมืองใหม เป็นสภาเปรสซิเดียมซึ่งล่มสลายไปแล้วกับระบอบคอมมิวนิสต์ ของรัสเซีย จะไม่สามารถเสริมสร้าง พลานุภาพ ได้ดังเดิมอีกต่อไป

2.กลุ่มเสื้อแดง เป็นกลุ่มการเมืองประชาธิปไตยของประชาชน ที่เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาล ไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางการ ไม่มีกองทัพ งบประมาณ จากทางราชการเพราะมวลชนผู้รักประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการรวมพลัง ใช้สันติวิธีอหิงสาในการต่อสู้เพื่อปกป้องประชาธิปไตย นับวันจะมีขวัญและกำลังใจในการต่อสู้ สูงขึ้นเรื่อยๆมีพลานุภาพเพิ่มขึ้น ๆ เป็นที่หวั่นเกรงของฝายตรงข้ามอย่างยิ่ง

3.กลุ่มเสื้อน้ำเงิน เป็นกลุ่มเฉพาะกิจ แทนเสื้อเหลือง มิได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติของประชาชนเป็นการจัดตั้ง ร่วมกันของ ทหาร ตำรวจ และมวลชนจัดตั้งที่ได้รับสนับสนุนด้านกำลังคนและงบประมาณ พร้อมอาวุธจากรัฐบาลเพื่อทำลายยุทธศาสตร์ประชาชนและทำลายพลังประชาชนชนเสื้อแดง ซึ่งจะทำให้ไร้พลานุภาพในทางการเมือง

การเคลื่อนไหวทางการเมืองของประชาชน กลุ่มการเมืองประชาชนเสื้อสีเป็นกลุ่มการเมืองที่จัดตั้งขึ้นมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายทางการเมืองแตกต่างกันตามแนวคิดทางการเมือง  กลุ่มเสื้อเหลืองเสื้อน้ำเงินให้การสนับสนุนกลุ่มการเมืองอำนาจนิยม ส่วนกลุ่มเสื้อแดงสนับสนุนกลุ่มการเมืองประชาธิปไตย มันกลายเป็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองและผลประโยชน์ทางแนวคิดทางการเมืองของประชาชน

การต่อสู้ทางการเมืองด้วยสันติวิธี จึงเป็นพลานุภาพของประชาชน