ความรู้ประชาธิปไตยพลานุภาพประชาชน ในปัจจุบันมวลชน ควรมีความรู้ในการเมืองประเทศไทยด้วยการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองพิจารณามองให้ละเอียดรอบด้าน รอบคอบ แยกแยะให้ออก อันไหนก่อน อันไหนหลัง เพราะเป็นเรื่องชัยชนะหรือพ่ายแพ้ ความย่อยยับหรือความดับสูญ ความเป็นหรือความตายของประชาชน หรือความล่มสลายของประชาธิปไตย
ประเมินพลานุภาพทางการเมืองปัจจุบัน การประเมินความพร้อมของเหล่าอำมาตย์ จงอย่าประเมินเหล่าอำมาตย์ต่ำเกินไป พวกเขามีข้อได้เปรียบมีความพร้อมทุกด้านไม่ว่าจะเป็นทุนและกองทัพ อำนาจในการสั่งควบคุมข้าราชการ เพราะเหล่าอำมาตย์ควบคุมอำนาจและครองครองทรัพยากรมาเป็นเวลานานมีการผนึกแน่น สำคัญที่สุดมีกองทัพ มีการเคลื่อนไหวทั้งทางตรงและทางลับโดยกองทัพ เพื่อทำลายยุทธศาสตร์การเมืองและแยกสลายมวลชนเพื่อไม่สามารถเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือเคลื่อนไหวก็ไม่มีพลานุภาพ" ชนะไม่ต้องรบ" ประเมินตนเองว่ามวลชนมีความพร้อมในแนวทางไหนมากที่สุด และสามารถมองเห็นชัยชนะเร็วที่สุด "ไม่รู้ตนเอง ไม่รู้ฝ่ายตรงข้าม รบร้อยครั้ง แพ้ร้อยครั้ง" อาจกล่าวได้ว่า มวลชนเป็นรองทุกด้านฉะนั้นจึงต้องมีการเตรียมพร้อมไม่ให้ฝายตรงข้ามเอาชนะได้ เตรียมพร้อมในทางยุทธศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใดๆ ที่บังเกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องไร้สาระเป็นการเตรียมพร้อมทางยุทธศาตร์ของมวลชน ทั้งนั้นจงขยายช่องทางการสื่อสาร และผนึกแน่นมวลประชาชน ใช้ปัญญาในการต่อสู้ทางการเมืองโดยสันติวิธีไร้ความมรุนแรง หากใช้วิธีรุนแรง ไปเข้าทางฝ่ายตรงข้าม อย่าหลงกล อย่าตกหลุมพลาง จะถูกปราบปรามทำลายสิ้นโดยกองทัพในที่สุด
ประชาธิปไตยเป็นพลานุภาพของประชาชน ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเป็นการทั่วไปเป็นโอกาสชนะของฝ่ายประชาธิปไตยเป็นพลานุภาพของประชาชนจงรวมพลังประชาชนให้พร้อมในการเลือกตั้ง จะบังเกิดพลานุภาพใน การเปลี่ยนแปลง โดยสันติวิธีไร้ความรุนแรง ใช้อ่อนพิชิตแข็ง เราจะต้องใช้วิธีสันติ หรือไร้ความรุนแรง ถนอมรักษากำลังมวลชนและเตรียมพร้อมในทางยุทธศาสตร์มวลชน อย่างต่อเนื่องเพราะหากพ่ายแพ้ในทางยุทธศาสตร์ จะปราชัยในที่สุด การกุมอำนาจรัฐสภา ชนะเลือกตั้งให้ได้เสียงข้างมากโดยประชาชนสามารถจัดตั้งรัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชนได้ คือมติมหาชน ซึ่งเป็นพลานุภาพของประชาชนประชาธิปไตย
รัฐธรรมนูญ คือการออกแบบโครงสร้างของประเทศจำต้องใช้กติกาเดิมไปก่อนอย่ากระทำผิดกฎหมาย ให้เป็นจุดอ่อนกลายเป็นผีที่คอยหลอกหลอน ตลอดเวลาวิธีนี้เป็นวิธีที่สามารถมองเห็นชัยชนะเร็วที่สุดการไม่มีพลังมวลมหาชนปกป้องรัฐบาลจึงถูกโค่นทำลายได้ง่าย ซึ่งต่างกับในครั้งนี้จะมีพลังประชาชนปกป้องมิให้ถูกโค่นล่มได้ง่ายเช่นที่ผ่านมา โมเดลทฤษฏีปฏิวัติประชาชน เป็นการใช้พลานุภาพ ของประชาชนที่หลายท่านได้นำเสนอต่อสาธารณะ ยกเป็นกรณีศึกษาของ ประเทศต่างๆนั้น ผู้เขียนเข้าใจ แต่ในเชิงลึกตามที่ได้ศึกษา ต่างกันไม่เหมือนกันที่เงื่อนไขปัจจัยพื้นฐานทางสังคมที่ต่างกันในแต่ละประเทศ จึงมีความเห็นว่า ทฤษฏีปฏิวัติ ไม่สอดคล้องกับภาวะวิสัยและเงื่อนไขที่ปัจจัยพื้นฐานทางสังคมไทย ถ้านำมาใช้จะทำให้ประาชนได้รับความปราชัยทางการเมือง เป็นไปได้ยากในประเทศไทย
ทฤษฎีปฏิวัติควรต่้องศึกษาหาความรู้เป็นพลานุภาพของประชาชนหากหลับตาเชื่อมั่นจะทำให้ประชาชนปราชัยทางการเมืองและการล่มสลายของพลานุภาพประชาชนประชาธิปไตย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น